พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ
พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ

พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ

พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ หรือ พระเจ้าเปา (ตองงา: Fatafehi Paulaho หรือ Pau) เป็นตูอิโตงาที่ 36 แห่งจักรวรรดิตูอิโตงา พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าฟาตาเฟฮี ตูอิปูโลตูที่ 2 ตูอิโตงารัชกาลก่อนหน้ากับเลามานากีลูเป หญิงที่กำเนิดในตระกูลตูอิกาโนกูโปลู พระองค์อภิเษกสมรสกับพระนางตูโปอูโมเฮโอโฟ ซึ่งต่อมาจะสถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็นตูอิกาโนกูโปลู แม้ว่าตามสถานะทางตำแหน่งพระองค์จะเป็นพระมหากษัตริย์สูงสุดของจักรวรรดิตูอิโตงา ทว่าในด้านสถานะทางสังคม จากการที่ลำดับชั้นสังคมตองงายึดหลักมาตาธิปไตย ทำให้พระองค์มีสถานะที่ต่ำกว่าพระมเหสี จากการที่พระนางตูโปอูโมเฮโอโฟสืบเชื้อสายมาจากตามาฮาและตูอีโตงาเฟฟีเน[1]การที่พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นตูอิโตงายังคงเป็นปริศนา เนื่องจากพระองค์ไม่ใช่พระราชโอรสองค์โตของพระบิดาหรือเป็นพระโอรสที่ประสูติจากโมเฮโอโฟที่ได้รับการยกย่อง[2] โดยพระมารดาของพระองค์ถือว่าเป็นชนชั้นขุนนางระดับล่าง[3] นักวิชาการตั้งข้อสันนิษฐานว่าการที่พระองค์ได้ราชสมบัติน่าจะมาจากการที่พระโอรสที่ประสูติแต่โมเฮโอโฟสิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ ทำให้พระบิดาเลือกพระองค์ขึ้นเป็นรัชทายาท หรือพระขนิษฐาของพระบิดา (ตูอีโตงาเฟฟีเน) เลือกพระองค์ให้สืบราชสมบัติ[4] หรืออาจมาจากความเป็นผู้นำและความสามารถในการรบของพระองค์[5] ซึ่งในเวลาต่อมาพระองค์จะพยายามแสวงหาอำนาจทางการเมืองเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในระยะหลังตูอิโตงามีสถานะเป็นเพียงกษัตริย์นักบวชเท่านั้น[4]ในรัชสมัยของพระองค์ กัปตันเจมส์ คุกได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนตองงาเป็นครั้งที่สองใน ค.ศ. 1777 ซึ่งในครั้งนี้คุกได้มีโอกาสเข้าพบพระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ จากการที่เข้าพบกับพระเจ้าฟีเนา อูลูกาลาลาที่ 1 ที่ฮาอะไป ซึ่งในระยะแรกคุกเข้าใจว่าพระเจ้าฟีเนา อูลูกาลาลาที่ 1 เป็นพระมหากษัตริย์ของหมู่เกาะตองงาทั้งมวล ทว่าเมื่อพระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮเสด็จมายังฮาอะไป เขาก็ทราบทันทีว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์สูงสุดของหมู่เกาะแห่งนี้[6] ต่อมาคุกได้ติดตามพระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮไปยังโตงาตาปู ศูนย์กลางอำนาจของจักรวรรดิ[6] และได้เข้าร่วมในพิธีการอีนาซี[4]ด้วยเหตุที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ทั้งที่ไม่ใช่รัชทายาทลำดับต้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงในอนาคตของพระโอรสของพระองค์ พระองค์จึงให้เจ้าชายฟูอานูนูอีอาวาร่วมเสวยพระกระยาหารร่วมกันในพิธีการอีนาซี ซึ่งเท่ากับว่าพระองค์ยกเกียรติพระโอรสเทียบเท่ากับพระองค์ ซึ่งถือได้ว่าผิดธรรมเนียมเป็นอย่างมาก[7] เนื่องจากไม่เพียงแต่ตูอิโตงายังมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่ยังเป็นประธานหลักของงานอีกด้วย[8] ซึ่งความแปลกประหลาดในครั้งนี้ นักวิชาการสันนิษฐานว่าอาจมาจากความพยายามของพระนางตูโปอูโมเฮโอโฟ[9] หรืออาจจะมาจากพระองค์เองที่ต้องการแสดงเจตจำนงว่าได้เลือกรัชทายาทไว้แล้ว หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น[8]ความปรารถนาของพระองค์ที่ต้องการให้อำนาจทางการเมืองการปกครองกลับคืนสู่ตูอิโตงา ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับตระกูลตูอิกาโนกูโปลู และนำไปสู่การสวรรคตของพระองค์ในสงครามที่วาวาอูซึ่งอาจเกิดเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1784 หรืออีกทศวรรษหลังจากนั้น[10] พระองค์สวรรคตจากการสู้รบกับวูนา ซึ่งอยู่ในฝ่ายของตูอิกาโนกูโปลูที่มีพระนางตูโปอูโมเฮโอโฟ พระมเหสีของพระองค์เองเป็นผู้นำ[11] พระศพของพระองค์ถูกหมิ่นพระเกียรติด้วยการฝังที่วาวาอูในฐานะหัวหน้าชุมชนไม่ใช่ตูอิโตงา ด้วยเหตุที่พระมารดามีชาติตระกูลต่ำ[12] กลุ่มตูอิกาโนกูโปลูเลือกพระเชษฐาต่างพระมารดาของพระองค์เป็นตูอิโตงา โดยกีดกันพระโอรสของพระองค์ อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดพระโอรสของพระองค์จะได้ขึ้นเป็นตูอิโตงาในเวลาต่อมา[12]

พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ

พระราชบุตร พระโอรส 2 พระองค์
พระธิดา 9 พระองค์
พระราชสมภพ ค.ศ. 1749
ราชวงศ์ ตูอีโตงา
พระปรมาภิไธย พระเจ้าฟาตาเฟฮี เปาลาโฮ
ครองราชย์ ค.ศ. 1770–1784
รัชกาลถัดไป พระเจ้าฟาตาเฟฮี มาอูลูเบโกตูฟา
รัชกาลก่อน พระเจ้าฟาตาเฟฮี ตูอิปูโลตูที่ 2
พระศพ วาวาอู
พระราชมารดา เลามานากีลูเป
พระราชบิดา พระเจ้าฟาตาเฟฮี ตูอิปูโลตูที่ 2
พระมเหสี พระนางตูโปอูโมเฮโอโฟ
สวรรคต ค.ศ. 1784
พระอิสริยยศ ตูอิโตงาแห่งจักรวรรดิตูอีโตงา
รัชกาล 14 ปี